เขาถือร่มสีเขียว
เธอถือร่มสีแดง
ยืนอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน
เขาเล่นไวโอลิน
เธอเขียนหนังสือ
อยู่ในห้องที่มีผนังติดกัน
เขานั่งอ่านโน้ต เธอนั่งอ่านบทกวี
ห่างกันแค่ชั่วหนึ่งน้ำพุกั้น
เขาไม่รู้จักชื่อเธอ
เธอไม่รู้จักชื่อเขา
เอาแต่เพรียกหากันกลางโลกอันวุ่นวายใบนี้
ถามหาอีกคนที่อาจไม่เคยพบหน้า
ทว่าเสมือนรู้จักกันชั่วชีวิต
.............................................
เวลามีใครถามว่า คุณเชื่อในพรหมลิขิตหรือเปล่า
หนุ่มสาวในวัยฟุ้งฝันมักตอบว่าเชื่อ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้ใหญ่มากมายล้วนมองว่าไร้สาระ
บนโลกกว้างใหญ่ใบนี้
จะมีใครที่เกิดมาเพื่อกันอยู่ที่ไหนสักแห่งหรือเปล่า
ฟังดูโรแมนติค แต่ก็ฟังดูโง่เง่า
ที่ยึดติดอยู่กับสิ่งที่อาจไม่มีอยู่จริง
...........................................
หนังturn left turn right เรื่องนี้
ถูกสร้างขึ้นจากนิยายภาพชื่อเดียวกัน
ของนักวาดนิยายภาพชื่อดังนาม จิมมี่ เหลียว
นิยายภาพของเขามักฉายภาพความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาของหนุ่มสาวในเมืองใหญ่
คนที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง ตามหารักแท้ที่อาจไม่มีอยู่
ตัวหนังสือนั้นเป็นเสมือนฉากภาพเล็กๆที่ร้อยเรียงกันเข้า
ตัวเอกมักยืนตัวเล็กจ้อยกลางฉากหลังอะไรบางอย่างที่ดูเงียบเหงา งดงาม และฟุ้งฝัน
ภาพหนึ่งภาพทดแทนความในใจมากมายที่ไม่อาจบอกกล่าว
และตัวหนังสือturn left turn right
ดูเหมือนจะบอกเล่าเรื่องของพรหมลิขิตเล่นตลก
ที่ชักพาคนสองคนให้พบเจอ พลัดพราก คิดถึง และพบกันอีกครั้งหนึ่ง
ในขณะที่เมื่อนำขึ้นจอใหญ่
หนังกลับเลือกที่จะไม่ยึดกอยู่กับแก่นแกนของบทประพันธ์เดิม
หากกลับเลือกที่จะเล่าถึง
คนสองคนที่โดนพรหมลิขิตเล่นงาน
ชายหนุ่มเคยพบหญิงสาวมาแล้วเมื่อครั้งยังเด็ก
แอบชอบกันระหว่างการไปทัศนศึกษาครั้งหนึ่ง
แล้วจบลงไปพร้อมวัยเยาว์
สิบสามปีผ่านไป
พรหมลิขิตชักพาทั้งคู่ให้มาอยู่ใกล้กัน
คนหนึ่งเอาแต่เลี้ยวซ้าย ส่วนอีกคนเอาแต่เลี้ยวขวา
ตามหากันและกันกลางผู้คน
พวกเขาพบกันอีกครั้งในสถานการณ์เดิม
ก่อนที่พรหมลิขิตจะเล่นตลกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พรากพวกเขาออกจากกันทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่เอื้อมมือ
สิ่งที่ยึดโยงทั้งคู่ไว้ มีเพียงเลขประจำตัวครั้งเป็นนักเรียน
กับหมายเลขโทรศัพท์ที่ลบเลือนไปตามแรงฝน
ทั้งคู่คล้ายคลึงกัน
ติดอยู่ในโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่เพียงลำพัง
ทำงานที่อาจจะเป็นงานที่รัก แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คาดหวัง
ทั้งคู่แทบไม่มีเพื่อน(แม้แต่คนดูก็ไม่รู้จักชื่อพวกเขา รู้แต่หมายเลขประจำตัว)
กับผู้คนที่เข้ามาในชีวิต
พวกเขาก็ไม่เคยเปิดใจยอมรับ
เอาแต่มองหากันอย่างเงียบเหงา
เอาเข้าจริงแล้วดูเหมือนสิ่งที่หนังอยากจะบอกคือ
มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่เอาแต่-ยึดติดอยู่กับพรหมลิขิต -
และโดนพรหมลิขิตเล่นงานกันจนสะบักสะบอม
ฉากสำคัญที่ทั้งคู่เห็นรูปถ่ายที่มีกันและกันอยู่ในทุกหนทุกแห่ง (ซึ่งหนยิบยกมาจากภาพในหนังสือภาพอีกที)ทั้งคู่ตกใจ
เมื่อพบว่าทั้งๆที่ตามหากันมาแสนนานแต่กลับไม่เคยพบเจอ
จนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเพียงแค่ทั้งคู่มองดูผู้อื่นสักเล็กน้อย
อาจไม่ต้องเจ็บปวดเพราะพรหมลิขิตก็เป็นได้
ซึ่งจะว่าไปแล้ว
763092 และ 784533 ใช่หรือไม่ที่เป็นตัวแทนของหนุ่มสาวของอยุคสมัย
การให้ตัวเอกเป็นนักดนตรีกับ นักแปลกวี
ส่วนหนึ่งดูเป็น ความโรแมนติกเพราะมันเป็นเสมือนอาชีพที่หนุ่มสาวใฝ่ฝัน (ฉากเดี่ยวไวโอลินและอ่านบทกวีถูกถ่ายทอดให้ออกมาดูดีมากๆ)
แต่หากมองจากมุมกลับ
มันคือมายาคติที่หนุ่มสาวในยุคสมัยของเรายึดติด (หรือถูกหล่อหลอมให้ยึดติด)
เป็นภาพโรแมนติกที่ไม่มีอยู่จริง
และบางทีอาจเพราะเราต่างยึดโยงอยู่กับมายาคติมากมายเกินไป
เราจึงมองไม่เห็นเลยว่าที่แท้แล้ว
คนเหงาสองคนนี้คือคนที่ไม่มีเพื่อนเลยสักคน ปิดขังตัวเองไว้ในโลกภายใน
ที่ไม่อาจออกมาได้
ในขณะที่ตัวละครอีกสองตัว(ซึ่งหนังเพิ่มจากหนังสือภาพ)
คือเด็กสาวร้านอาหารจานด่วนกับคุณหมอก๊องๆ(หลายๆฉากอ้คุณหมอนี่ดูคุกคามพิลึก)ที่กล้ารักกล้าแค้น
หลายคนมองว่านี่เป็นการเติมบทประพันธ์จนเลอะเทอะ(เพราะทั้งคู่ได้เล่นมุขบ่อย และขโมยซีนแหลกจะพระนางสุดติ๋มทั้งคู่)
แต่ในส่นหนึ่งที่แท้แล้วทั้งคู่กลับเป็นตัวแทนของผู้คนที่จะอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างเป็นสุข
ในบางมุมพวกเขาอาจดูร้ายกาจ บ้าบอ
แต่มนุษย์เราก็เป็นแบบนี้
ที่สำคัญคือการกล้ารักกล้าแค้นของเขาทั้งคู่
และการไม่ปิดขังตัวเองไว้ในโลกงดงาม(ที่อาจไม่มีอยู่จริง)
ทำให้ทั้งคู่ในที่สุดก็ตกหลุมรักกัน(แม้จะง่ายไปหน่อย)
รวมไปถึงคู่ชายแก่ หญิงชราเจาของบ้านเช่าของทั้งคู่
ซึ่งในส่วนนี้
ดูเหมือนหนังจะบอกกับเราว่า
โลกนี้นั้นล้วนเต็มไปด้วยพรหมลิขิต
แต่การยึดติดกับพรหมลิขิตจนไม่เปิดตามอง
อาจทำให้เราโดนพรหมลิขิตเล่นงานจนสะบักสะบอมก็เป็นได้
.............................................
น่าเสียดายอยู่หน่อยที่ในที่สุดแผ่นดินไหวในตอนท้ายเรื่อง
จะทำให้ความเข้มข้นของการโดนพรหมลิขิตเล่นงานลดน้อยถอยลงไปจนเกือบหมด
เหมือนกับท้ายที่สุดพรหมลิขิตก็เลิกเล่นตลก
และเปลี่ยนความไม่เที่ยงแท้(ที่งดงามยิ่งกว่า)ไปสู่ความเที่ยงแท้
(สวนทางกับบทกวีบทโปรดของนางเอก)
...............................................
และเราค้นพบว่า
โลกนี้ล้วนเต็มไปด้วยพรหมลิขิต
มีคนมากมายที่เกิดมาเพื่อใครสักคน
เรารอคอยกันและกันอยู่
แต่ใช่จะต้องมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อรอคอย
บางทีแค่เพียงเลิกรอ
พรหมลิขิตอาจมาปรากฏตรงหน้าโดยที่เราไม่คาดฝันก็เป็นได้
---------------
โดย filmsick
http://filmsick.exteen.com/
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment