Thursday, November 27, 2008

Twilight : Every Girl's DREAM


ดูหนังจบแล้ว รู้สึกว่าไม่อิ่มเอาซะเลย สิ่งแรกที่อยากทำ หลังจากหนังจบคือ ไปหาหนังสือมาอ่าน รู้สึกว่าในหนังสือน่าจะมีอะไรให้เล่นอีกเยอะ แต่เหมือนผู้กำกับและอื่นๆ ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีเท่าที่ควร ( Twilight กำกับโดย แคทธาลีน ฮาร์ดวิค (Thirteen, Lords of Dogtown) จากบทภาพยยตร์ของ เมลิซซ่า โรเซนเบิร์ค (Step Up, "Dexter") อำนวยการสร้างโดย กอร์ดอน ก๊อดฟรีย์ (I, Robot; The Nativity Story), เกร็ก มูราเดี้ยน (Drumline, The Stepfather), และ มาร์ค มอร์แกน (Agent Cody Banks, The Wedding Planner ) ไม่ได้คาดหวังแต่แรกหลังจากได้ดูตัวอย่างหนังแล้วว่าจะต้องเป็นหนังดี ระดับชั้นห้าดาวหรือหนังชิงรางวัลแต่อย่างไร เพราะตัวอย่างหนังดูธรรมดามาก และหนังก็กำกับได้ธรรมดาอย่างที่คิดจริงๆด้วย แล้วอะไรที่ทำให้ผมอยากดูหนักหนา อย่างแรกต้องบอกเลยว่า สิ่งที่ผมอยากรู้มากเลย ผมอยากรู้ว่าทำไมหนังสือเรื่องนี้ถึงประสบความสำเร็จมากมาย (สามารถครองอันดับหนึ่งรวมกัน ใน New York Times ได้ถึง 91 สัปดาห์ โดยหนังสือขายได้ถึง 17 ล้านเล่ม และถูกซื้อลิขสิทธ์นำไปแปลเป็นภาษาอื่นอีกกว่า 37 ประเทศทั่วโลก โดยยังมีเว็ปไซค์ที่อุทิศให้กับหนังสืออีกกว่า 350 แห่ง ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในหนังสือยอดเยี่ยมของ New York Times และยังอยู่ในสิบอันดับแรกของหนังสือยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษของ Amazon อีกด้วย – เห็นไหมครับว่าไม่ธรรมดา)


ต้องบอกว่าเวลาที่พูดถึงแวมไพร์หรือผีดูดเลือดเนี่ย ชื่อแรกที่มักจะผุดเข้ามาในหัวผมโดยอัตโนมัติ คือ เจ้าป้า Anne Rice เป็นที่รู้กันดีว่า เจ้าป้าไรซ์ ได้บรรจงเสกสรรเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์หรือผีดูดเลือดไว้มากมาย และที่โด่งดังและน่าจะเป็นที่รู้จักที่สุด คือ Interview with the vampire ต้นตำรับผีดูดเลือด สร้างตัวละครในตำนานกลิ่นอายวายๆอย่าง เลทเตอร์และหลุยส์ (ซึ่งได้สองซุปเปอร์สตาร์ ทอม ครูซ และ แบรด พิตต์ มาสวมบทบาท ณ เวลานั้น) แล้วคำถามที่ผุดขึ้นมาคือ แล้วนิยายเรื่องนี้แตกต่างจากแวมไพร์เรื่องอื่นอย่างไร หลังจากที่นั่งดูไปเรื่อยๆ ผมก็พบคำตอบ นี่มันเป็นแฟนตาซีของของเด็กสาวชัดๆ แวมไพร์หนุ่มรูปงาม เอ็ดเวิร์ด (รับบทโดยโรเบิร์ต แพททินสัน เมื่ออายุ 19 ปี เขาก็ได้รับเลือกให้เล่นเป็น เซดริค ดิคกอรี่ ในภาพยนตร์มหากาพย์พ่อมดเรื่อง Harry Potter & Goblet of Fire แต่การรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Twilight เขาสามารถเอาชนะนักแสดงที่เข้ามาทดสอบบทถึง 5,000 คน) ส่วนสาวน้อยเบลล่านางเอกของเรื่องคือ คริสเทน สจ๊วต (แทบจะจำเธอไม่ได้สำหรับสาวน้อยที่เคยรับบทเป็นลูกสาวของ โจดี้ ฟอสเตอร์ ใน Panic Room ภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องเยี่ยมของ เดวิด ฟินเชอร์ - David Fincher) จะว่าไปเบลล่าในเรื่อง ถึงจะดูแตกต่างไปจากเด็กคนอื่นสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะอะไรที่พิเศษมากมายไปกว่าเด็กอื่นนะ แต่นี่เองที่อาจจะเป็นกุญแจที่ทำให้นวนิยายเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ เด็กหญิงธรรมดาพบรักกับแวมไพร์หนุ่มรูปงามที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้เธอ มันเหมือนกับเทพนิยายยุคใหม่ที่เปลี่ยนจากเจ้าชายมาเป็นแวมไพร์ พล้อตเรื่องสากลที่ไม่เคยตายไปจากโลกใบนี้

ยังไม่อยากเขียนไรมากมาย เอาไว้ถ้ามีโอกาสได้อ่านหนังสือ อาจจะมาเขียนถึงใหม่รอบสอง....

Sunday, November 23, 2008

Bravo : Nodame Cantabile!



จาก ซีรีย์ Nodame Cantabile! : ทำให้ดีที่สุดจนถึงตัวโน้ตตัวสุดท้าย จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง



Megumi Noda: เธอเล่นดนตรีเพื่ออะไร ในเมื่อไม่อยากจะแสดง?

คำแก้ตัว : เค้าอยากเป็นคุณครูอนุบาล เค้าจะเล่นดนตรีแค่สนุกไม่ได้หรอ ทำไมคนอื่นต้องมาวุ่นวายกับเค้าด้วยอ่ะ?


ความเป็นจริง : มีพรสวรรค์เป็นเลิศตั้งแต่เด็ก แต่กลับมีความทรงจำที่เลวร้ายกับครูสอนเปียโนคนแรก จึงปิดตัวเองอยู่เป็นเวลานาน

และ

Shinichi Chiaki : ทุกคนรู้ดีว่าที่ของเธออยู่ที่ไหน แล้วเธอมาทำอยู่ตรงนี้


คำแก้ตัว : ผมหาสิ่งที่ผมสนใจในญี่ปุ่นได้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ


ความเป็นจริง : เป็นโรคกลัวเครื่องบินจึงไม่สามารถจะเดินทางออกนอกประเทศได้ (อุปมาดั่งคนตาขาวที่ไม่สามารถรวมกำลังให้โบยบินออกไปในโลกกว้างได้)


Remark : ดนตรีเดินทางโดยผ่านสายตาและหูของคนอื่น ดนตรีที่เล่นคนเดียวจะมีประโยชน์อะไรเล่า

------------------------------------------------



เดินๆอยู่ดีๆ แล้วสะดุดล้มลง ....

เดินๆอยู่ดีๆ เคยเจอกำแพงมาขวางอยู่ข้างหน้าบ้างไหม ...

และทางที่เราคิดไว้ว่ามันจะต้องสวยงาม อยู่ๆก็เต็มไปด้วยหนามและพุ่มไม้ ให้เดินทางลำบากมากขึ้น

ถ้าเจอแบบนี้จะทำอย่างไร

บางคนเลือกที่จะหนีแล้วเดินกลับไปเริ่มใหม่ แต่คำถามคือ จะต้องเริ่มใหม่สักกี่ครั้ง คนเรามีเวลามากมายเมื่อตอนเป็นเด็ก หากแต่เมื่อโตขึ้นมาแล้ว กลับพบว่า เวลานั้นไหลเร็วราวนาฬิกาทรายที่พร้อมจะร่วงหล่นอย่างไม่ปราณีปราศรัย

บางคนที่จะเปลี่ยนเส้นทาง ถ้าเปลี่ยนไปเจอทางที่ถูกสายก็ดีไปแต่โชคจะมีกับคนทุกคนรึป่าว เป็นอีกเรื่องที่ต้องคิดตามกันต่อไป

บางคนเลือกที่จะฝ่าดงไป อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ถ้าเค้าผ่านไปได้ คงเก็บเป็นความภูมิใจส่วนตัวแล้วอาจจะเผื่อแผ่มาถึงคนรอบข้างได้ แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่ง ถ้าเส้นทางที่เขาเลือกจะบุกไปนั้นมันไม่ใช่เส้นทางของเขาล่ะ นั่นหมายถึง การเสียเวลาใช่รึเปล่า

แต่อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาคือ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางไหน ขอให้ตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจแล้วบอกตัวเองว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ ... คำว่า ถ้า จะมีประโยชน์เมื่อเราใช้พูดถึงอนาคต อย่างน้องก็ปัจจุบัน แล้วตั้งใจทำให้ได้ แต่คำว่า ถ้า จะไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เมื่อเราพูดถึง อดีต หรือ สิ่งที่ผ่านมาแล้ว

ต่อไปนี้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม

ก่อนที่จะพูดคำว่า ถ้า ครั้งต่อไป ขอให้แน่ใจว่า ได้ทำมันดีที่สุดแล้ว

ให้แน่ใจว่า จะไม่มานั่งเสียใจเพราะมันอีก



====

Me : ตกลงแล้ว คุณ (เมิง, แก, กอล์ฟ - whatever) อยากทำอะไร อยากเป็นอะไรกันแน่

คำแก้ตัว : จริงๆแล้วทำอะไรก็ได้นะ ก็เท่าที่ผ่านมาก็ทำได้หมด ไม่มีปัญหานี่ ไม่เรื่องมากหรอก

ความเป็นจริง : ..... (ใกล้แล้วล่ะ)

Monday, November 17, 2008

ขอจงมีความเชื่อมั่นในชีวิต


ขอจงมีความเชื่อมั่นในชีวิต


เป็นธรรมดาที่วิถีชีวิตมีขึ้นมีลง
สภาพการณ์ไม่เป็นไปดังที่เราปรารถนาเสมอไป
เพราะเงื่อนไขที่กำหนดมีมากมายซับซ้อน


--------------------------------------------------------------------------------


ขอจงมีความเชื่อมั่นในชีวิต
ว่าเป็นสิ่งมีคุณค่า ความประเสริฐ และดีงาม
และจงมีความมั่นใจ
ในความสามารถและศักยภาพของตนเอง
ที่จะสร้างสรรค์ บรรลุ สุขสมบูรณ์ได้


เป็นธรรมดาที่วิถีชีวิตมีขึ้นมีลง
สภาพการณ์ไม่เป็นไปดังที่เราปรารถนาเสมอไป
เพราะเงื่อนไขที่กำหนดมีมากมายซับซ้อน

เมื่อเราเข้าไปเกี่ยวข้องและเผชิญนั้น
ควรระดมทั้งพลังแรงกายใจ
ทำหน้าที่ส่วนของเราให้สมบูรณ์ดีที่สุด
โดยไม่ต้องหวั่นวิตกกังวล
ว่าผลจะเป็นอย่างไร


ในหุบเหวสับสนอนธการของชีวิต
อย่าสิ้นหวังทอดอาลัย
หรือหลบหลีกปัญหาเฉพาะหน้า
โดยมอมเมาความรับรู้ของตนเอง
ด้วยวิธีการต่างๆ

แต่จงจุดประกายความหวังขึ้นในใจ
ด้วยความเชื่อมั่นในชีวิต
และความมั่นใจในความสามารถของตนเอง
ที่จะระดมพลังกายใจและสติปัญญา
ต่อสู้กับอุปสรรคทั้งปวงได้

บนยอดเขาแห่งความสำเร็จสมปรารถนา
เพียบพร้อมทั้งเงินทอง ไมตรีจิต และความสุข
ก็จำเป็นที่จะต้องควบคุมรักษาจิตใจ
ให้รู้จักเสพเสวยสิ่งเหล่านั้นแต่พอดี
ด้วยความรู้ทันธรรมชาติ ไม่ลุ่มหลง ไม่ลืมตัว
ไม่ยอมสยบตกเป็นทาสของมัน

ขณะเดียวกันก็ใช้โอกาสนั้น
สร้างชีวิต คือ กายใจ สติปัญญา
ให้พัฒนาก้าวหน้าต่อไป


ในทุกขั้นตอนของวิถีชีวิต
ควรยึดมั่นในศักยภาพของมนุษย์
ว่าบุคคลสามารถสร้างสรรค์พัฒนาชีวิตของตน
ให้เข้มแข็งแกร่งกล้า
จนสามารถดำเนินชีวิตที่สะอาด สว่าง สงบ สมบูรณ์

ไม่ว่าขณะหุบเหวมืดมนอนธการ
ที่มีภัยพิบัตินานาคุกคาม
หรือให้ความสุขเกษมสานต์
พรั่งพร้อมด้วยสมบัติน่าลุ่มหลง
โดยไม่สยบยอมแพ้ตกเป็นทาส


ดังนั้น ขอเราจงมีชีวิตอยู่
ด้วยความเชื่อมั่นในความประเสริฐของชีวิต
และในความมั่นใจว่าเราจะบรรลุชีวิตเช่นนั้นได้


------------------------------------------------------------
บทความจาก : เพ่งพินิจเรื่องชีวิต โดย ระวี ภาวิไล

-----------------------------------------------------------

เมื่อคืนนี้อยู่ๆก้อเกิดอาการจิตตกอย่างกระทันหัน
รู้สึกขี้เกียจ ไม่อยากไปทำงานซะอย่างนั้น

แต่พอเช้ามา ได้รับแดดตอนเช้าๆ
ได้เจอเพื่อนร่วมงาน ได้คุย ได้หัวเราะกะคนอื่นบ้าง
ก้อกลับมาสดใสได้เหมือนเดิม

สรุปว่า ชีวิตมีขึ้นมีลง (ไม่เกี่ยวแต่อยากให้เกี่ยว )


ยังไงขอให้ทุกคนมีความสุขกับทุกวันของชีวิตคับ

Monday, November 10, 2008

::The Lonely Scarecrow::



The Lonely Scarecrow

My poor old bones---I've only two--
A broom shank and a broken stave.
My ragged gloves are a disgrace.
My one peg-foot is in the grave.

I wear the labourer's old clothes:
Coat, shirt, and trousers all undone.
I bear my cross upon a hill
In rain and shine, in snow and sun.

I cannot help the way I look.
My funny hat is full of hay.
-O, wild birds, come and nest in me!
Why do you always fly away?

by James Kirkup

-------

เมื่อหลายปีก่อน ในวิชา Poetry
ผมเลือกโคลงธรรมดาบทนี้เป็นโปรเจคส่งอาจารย์
อาจจะดูง่ายไปสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องตีความมากมาย
แต่สิ่งที่ผมประทับใจคือ ความเหงาที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน

ลองนึกภาพ ...

คุณเป็นหุ่นไล่กาขี้เหงาที่อยากจะเป็นเพื่อนกับนกตัวน้อยที่บินผ่านไปมา
ทำไมล่ะ ทำไม .. ทำไมไม่บินเข้ามาใกล้ๆข้า
หรือเพราะว่า ข้าอัปลักษณ์ ข้ามีรูปร่างที่น่าเกลียดใช่ไหม ...
มันช่วยไม่ได้นี่ ข้าถูกสร้างมาแบบนี้ ...
ทำไมกัน ทำไม...

หุ่นไล่กาผู้โง่เขลาเอ๋ย
ช่างไม่รู้เลยว่า
เหตุใดเจ้าจึงเกิดมา...

เจ้าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกับนกเหล่านั้น
เจ้าเกิดมาเพื่อไล่ให้นกพวกนั้นไปไกลๆ
เจ้าไม่เคยรู้เลยว่า หน้าที่ของเจ้าสำคัญแค่ไหน

จะเศร้าไปใยเล่า
จะเศร้าไปใย

อย่าร้องให้ไปเลยนะ

ทุกอย่างที่เกิดมาบนโลกนี้
ล้วนแต่มีเหตุผลทั้งสิ้น
อย่างน้อย
การที่เจ้า
ยืนอยู่เฉยๆในที่ของตัวเอง

แค่นี้...
ชีวิตเจ้าก็บรรลุความหมายในชีวิตที่เจ้าเกิดมาแล้ว ..