
ดูหนังจบแล้ว รู้สึกว่าไม่อิ่มเอาซะเลย สิ่งแรกที่อยากทำ หลังจากหนังจบคือ ไปหาหนังสือมาอ่าน รู้สึกว่าในหนังสือน่าจะมีอะไรให้เล่นอีกเยอะ แต่เหมือนผู้กำกับและอื่นๆ ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีเท่าที่ควร ( Twilight กำกับโดย แคทธาลีน ฮาร์ดวิค (Thirteen, Lords of Dogtown) จากบทภาพยยตร์ของ เมลิซซ่า โรเซนเบิร์ค (Step Up, "Dexter") อำนวยการสร้างโดย กอร์ดอน ก๊อดฟรีย์ (I, Robot; The Nativity Story), เกร็ก มูราเดี้ยน (Drumline, The Stepfather), และ มาร์ค มอร์แกน (Agent Cody Banks, The Wedding Planner ) ไม่ได้คาดหวังแต่แรกหลังจากได้ดูตัวอย่างหนังแล้วว่าจะต้องเป็นหนังดี ระดับชั้นห้าดาวหรือหนังชิงรางวัลแต่อย่างไร เพราะตัวอย่างหนังดูธรรมดามาก และหนังก็กำกับได้ธรรมดาอย่างที่คิดจริงๆด้วย แล้วอะไรที่ทำให้ผมอยากดูหนักหนา อย่างแรกต้องบอกเลยว่า สิ่งที่ผมอยากรู้มากเลย ผมอยากรู้ว่าทำไมหนังสือเรื่องนี้ถึงประสบความสำเร็จมากมาย (สามารถครองอันดับหนึ่งรวมกัน ใน New York Times ได้ถึง 91 สัปดาห์ โดยหนังสือขายได้ถึง 17 ล้านเล่ม และถูกซื้อลิขสิทธ์นำไปแปลเป็นภาษาอื่นอีกกว่า 37 ประเทศทั่วโลก โดยยังมีเว็ปไซค์ที่อุทิศให้กับหนังสืออีกกว่า 350 แห่ง ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในหนังสือยอดเยี่ยมของ New York Times และยังอยู่ในสิบอันดับแรกของหนังสือยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษของ Amazon อีกด้วย – เห็นไหมครับว่าไม่ธรรมดา)
ต้องบอกว่าเวลาที่พูดถึงแวมไพร์หรือผีดูดเลือดเนี่ย ชื่อแรกที่มักจะผุดเข้ามาในหัวผมโดยอัตโนมัติ คือ เจ้าป้า Anne Rice เป็นที่รู้กันดีว่า เจ้าป้าไรซ์ ได้บรรจงเสกสรรเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์หรือผีดูดเลือดไว้มากมาย และที่โด่งดังและน่าจะเป็นที่รู้จักที่สุด คือ Interview with the vampire ต้นตำรับผีดูดเลือด สร้างตัวละครในตำนานกลิ่นอายวายๆอย่าง เลทเตอร์และหลุยส์ (ซึ่งได้สองซุปเปอร์สตาร์ ทอม ครูซ และ แบรด พิตต์ มาสวมบทบาท ณ เวลานั้น) แล้วคำถามที่ผุดขึ้นมาคือ แล้วนิยายเรื่องนี้แตกต่างจากแวมไพร์เรื่องอื่นอย่างไร หลังจากที่นั่งดูไปเรื่อยๆ ผมก็พบคำตอบ นี่มันเป็นแฟนตาซีของของเด็กสาวชัดๆ แวมไพร์หนุ่มรูปงาม เอ็ดเวิร์ด (รับบทโดยโรเบิร์ต แพททินสัน เมื่ออายุ 19 ปี เขาก็ได้รับเลือกให้เล่นเป็น เซดริค ดิคกอรี่ ในภาพยนตร์มหากาพย์พ่อมดเรื่อง Harry Potter & Goblet of Fire แต่การรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Twilight เขาสามารถเอาชนะนักแสดงที่เข้ามาทดสอบบทถึง 5,000 คน) ส่วนสาวน้อยเบลล่านางเอกของเรื่องคือ คริสเทน สจ๊วต (แทบจะจำเธอไม่ได้สำหรับสาวน้อยที่เคยรับบทเป็นลูกสาวของ โจดี้ ฟอสเตอร์ ใน Panic Room ภาพยนตร์ทริลเลอร์เรื่องเยี่ยมของ เดวิด ฟินเชอร์ - David Fincher) จะว่าไปเบลล่าในเรื่อง ถึงจะดูแตกต่างไปจากเด็กคนอื่นสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะอะไรที่พิเศษมากมายไปกว่าเด็กอื่นนะ แต่นี่เองที่อาจจะเป็นกุญแจที่ทำให้นวนิยายเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ เด็กหญิงธรรมดาพบรักกับแวมไพร์หนุ่มรูปงามที่พร้อมจะทำทุกอย่างให้เธอ มันเหมือนกับเทพนิยายยุคใหม่ที่เปลี่ยนจากเจ้าชายมาเป็นแวมไพร์ พล้อตเรื่องสากลที่ไม่เคยตายไปจากโลกใบนี้
ยังไม่อยากเขียนไรมากมาย เอาไว้ถ้ามีโอกาสได้อ่านหนังสือ อาจจะมาเขียนถึงใหม่รอบสอง....
No comments:
Post a Comment